ICSI คืออะไร?
ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) คือ “การฉีดอสุจิเพียงตัวเดียวเข้าไปในเซลล์ไข่โดยใช้กล้องจุลทรรศน์” เป็นเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ที่ทันสมัยกว่า ซึ่งแตกต่างจากเด็กหลอดแก้ว (IVF)
IVF กับ ICSI แตกต่างกันอย่างไร
นกระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) แพทย์จะนำอสุจิจำนวนหลายหมื่นตัวที่ผ่านการคัดกรองแล้ว มาผสมกับไข่ในจานเพาะเลี้ยง เพื่อให้อสุจิสามารถว่ายเข้าไปหาไข่และปฏิสนธิได้ตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม หากมีจำนวนอสุจิน้อยหรือคุณภาพของอสุจิไม่ดี มักจะไม่สามารถเจาะผ่านเปลือกไข่ได้ ทำให้การปฏิสนธิล้มเหลว
แต่สำหรับ ICSI จะใช้วิธีที่แม่นยำกว่านั่นคือ “การฉีดอสุจิเพียงตัวเดียวเข้าไปในเซลล์ไข่” ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้:
การคัดเลือกอสุจิ: นักเพาะเลี้ยงตัวอ่อนจะใช้กล้องจุลทรรศน์คัดเลือกอสุจิตัวที่มีรูปร่างสมบูรณ์ที่สุดและมีการเคลื่อนไหวดีที่สุด
การฉีดอสุจิเข้าสู่เซลล์ไข่โดยตรง: ใช้เข็มขนาดเล็กมากฉีดอสุจิที่เลือกไว้เข้าไปในไซโตพลาสซึมของไข่โดยตรง
การทำให้เกิดการปฏิสนธิ: วิธีนี้เรียกได้ว่าเป็น “การบังคับให้เกิดการปฏิสนธิ” โดยไม่ต้องพึ่งการว่ายของอสุจิเข้าไปเจาะไข่ตามธรรมชาติ
อ่านเพิ่มเติม:IUI, IVF, ICSI แตกต่างกันอย่างไร?
ราคาของ ICSI?
ค่าใช้จ่ายของการทำ ICSI จะแตกต่างกันไปตามรายบุคคลและมาตรฐานของแต่ละคลินิก โดยในประเทศไทย ราคามักอยู่ในช่วง 150,000 – 300,000 บาท ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อความแตกต่างของค่าใช้จ่าย ICSI มีอยู่ 3 ข้อ ได้แก่:
- ร่างกายของแต่ละบุคคล: เช่น การทำงานของรังไข่ คุณภาพของอสุจิ และอายุ
- ความต้องการระหว่างขั้นตอนในกระบวนการรักษา: เช่น ต้องการตรวจคัดกรองโครโมโซมก่อนการฝังตัว (PGT) หรือต้องการแช่แข็งไข่ที่เหลือ เป็นต้น
ความแตกต่างของแต่ละคลินิก: ประสบการณ์ของแพทย์ (ค่าตรวจรักษา) และความทันสมัยของอุปกรณ์และเทคโนโลยี ซึ่งอาจส่งผลต่อค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น
ค่าใช้จ่ายในการทำ ICSI โดยทั่วไปครอบคลุมรายการใดบ้าง?
ค่าใช้จ่ายพื้นฐานในการรักษา
รายการที่รวมอยู่ในค่ารักษาพื้นฐานของแต่ละคลินิกอาจแตกต่างกัน ซึ่งทางเราได้รวบรวมรายการที่พบได้บ่อย เพื่อให้ว่าที่คุณพ่อคุณแม่ใช้เป็นข้อมูลอ้างอิง ดังนี้:
ค่าใช้จ่ายพื้นฐานในการทำ ICSI | |
---|---|
รายการ | รายละเอียด |
การประเมินเบื้องต้น | การให้คำปรึกษาจากแพทย์, ประเมินประวัติการรักษา, ตรวจการทำงานของระบบเจริญพันธุ์ |
ยากระตุ้นไข่ | ยาฮอร์โมนชนิดต่าง ๆ ที่ช่วยกระตุ้นให้รังไข่ผลิตไข่หลายใบ |
การอัลตราซาวด์ | ติดตามพัฒนาการของฟองไข่เป็นระยะ ๆ ระหว่างกระบวนการรักษา |
การทำหัตถการเก็บไข่ | การเก็บไข่ในห้องผ่าตัด |
การเตรียมอสุจิ | การล้าง, เพิ่มความเข้มข้น และคัดกรองคุณภาพของอสุจิ |
การฉีดอสุจิเข้าเซลล์ไข่ (ICSI) | เทคนิคการปฏิสนธิที่นักเพาะเลี้ยงตัวอ่อนฉีดอสุจิเข้าไปในไข่อย่างแม่นยำ |
ระหว่างเลือกสถานพยาบาลรักษา ควรสอบถามรายละเอียดว่าแพ็กเกจพื้นฐานครอบคลุมรายการใดบ้าง เพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด การเปรียบเทียบบริการและมาตรฐานค่ารักษาของแต่ละคลินิกอย่างละเอียด จะช่วยให้สามารถเลือกแผนการรักษาที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณของตนเองได้ดีที่สุด
ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่อาจเกิดขึ้น
ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่อาจเกิดขึ้น | |
---|---|
รายการ | รายละเอียด |
การแช่แข็งตัวอ่อน | ค่าดำเนินการแช่แข็งและเก็บรักษาตัวอ่อนที่เหลือ |
การตรวจโครโมโซมหรือตรวจพันธุกรรมตัวอ่อน (PGT) | การตรวจคัดกรองทางพันธุกรรมหรือโครโมโซม |
การช่วยฝังตัว | เทคนิคช่วยให้ตัวอ่อนฝังตัวในเยื่อบุโพรงมดลูก |
ค่าดมยาสลบ | ค่าดมยาสลบในระหว่างเก็บไข่ |
การย้ายตัวอ่อนหลายครั้ง | หากการย้ายตัวอ่อนครั้งแรกไม่สำเร็จ การย้ายครั้งที่สองอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม |
แนะนำให้ศึกษารายการเสริมเหล่านี้และค่าใช้จ่ายให้ชัดเจนก่อนเริ่มกระบวนการรักษา พร้อมประเมินว่าตนเองจำเป็นต้องใช้หรือไม่ เพื่อให้สามารถวางแผนงบประมาณได้อย่างรอบคอบ เช่น ค่าใช้จ่ายของการย้ายตัวอ่อนหลายครั้งและการแช่แข็งตัวอ่อน ซึ่งอาจส่งผลต่อค่าใช้จ่ายรวมของการรักษาในภาพรวมอย่างมีนัยสำคัญ
ใครเหมาะกับการทำ ICSI?
เทคนิค ICSI ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาภาวะมีบุตรยากจากฝ่ายชายเป็นหลัก โดยเหมาะอย่างยิ่งสำหรับคู่สมรสที่อยู่ในสถานการณ์ดังต่อไปนี้ :
ภาวะมีบุตรยากในฝ่ายชาย
- จำนวนอสุจิไม่เพียงพอ: ความเข้มข้นของอสุจิต่ำ ไม่สามารถผสมกับไข่ได้สำเร็จตามธรรมชาติ
- การเคลื่อนไหวของอสุจิบกพร่อง: ความสามารถในการเคลื่อนที่ของอสุจิน้อย ทำให้ไม่สามารถเจาะเข้าไปในไข่ได้
- รูปร่างของอสุจิผิดปกติ: ลักษณะภายนอกของอสุจิผิดปกติ ส่งผลต่อความสามารถในการปฏิสนธิ
สถานการณ์อื่นๆที่เหมาะสม
- ไข่ปฏิสนธิยาก: เปลือกไข่หนาเกินไปหรือมีปัจจัยอื่นที่ทำให้อสุจิไม่สามารถเจาะไข่เองได้
- คู่สมรสที่มีอายุมาก: อายุที่มากขึ้นส่งผลต่อคุณภาพของไข่และอสุจิ จึงต้องการเทคนิคการปฏิสนธิที่แม่นยำยิ่งขึ้น
- จำนวนไข่น้อย: เมื่อมีไข่จำนวนจำกัด ต้องการเพิ่มอัตราการปฏิสนธิของไข่แต่ละใบให้สูงที่สุด
กระบวนการ ICSI มีอะไรบ้าง?
ตารางขั้นตอนการรักษา ICSI | |||
---|---|---|---|
ขั้นตอน | ระยะเวลา | ขั้นตอนหลัก | วิธีปฏิบัติตัว |
ประเมินเบื้องต้น | สัปดาห์ที่ 1 | • ตรวจฮอร์โมน • อัลตราซาวด์ประเมินการทำงานของรังไข่ • วางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล | ตรวจในวันที่ 2–3 ของรอบเดือน |
กระตุ้นไข่ | สัปดาห์ที่ 2-3 | • ฉีดยากระตุ้นไข่ทุกวัน • ตรวจติดตามฟองไข่ด้วยอัลตราซาวด์อย่างสม่ำเสมอ • ปรับขนาดยาให้เหมาะสม |
ฉีดยาให้ตรงเวลา และตรวจติดตามทุกๆ 2–3 วัน |
เตรียมเก็บไข่ | ปลายสัปดาห์ที่ 3 | • ฉีดยาให้ไข่ตก • นัดหมายเวลาสำหรับการเก็บไข่ | ฝ่ายหญิง งดอาหาร 8 ชั่วโมง ฝ่ายชาย เตรียมเก็บอสุจิ |
หัตถการเก็บไข่ | วันทำหัตถการ | • ใช้ยาสลบ • หัตถการเก็บไข่ (20–30 นาที) • เก็บและเตรียมอสุจิพร้อมกัน |
ปฏิบัติตามการคำแนะนำอย่างเคร่งครัด พักฟื้นและสังเกตอาการหลังผ่าตัด |
การทำ ICSI | ทันทีหลังเก็บไข่ | • นักเพาะเลี้ยงตัวอ่อนเลือกอสุจิคุณภาพดี • ทำการฉีดอสุจิเข้าเซลล์ไข่ • เริ่มต้นการเพาะเลี้ยงตัวอ่อน |
พักผ่อนที่บ้านระหว่างรอผลเพาะเลี้ยงตัวอ่อน |
การเพาะเลี้ยงตัวอ่อน | วันที่ 1–6 | • ติดตามพัฒนาการของตัวอ่อน • ประเมินคุณภาพของตัวอ่อน • ตัดสินใจเวลาที่เหมาะสมในการย้ายตัวอ่อน |
รักษาสุขภาพ พักผ่อนให้เพียงพอ |
การย้ายตัวอ่อน | วันที่ 5–6 | • เลือกตัวอ่อนที่ดีที่สุดเพื่อย้ายกลับเข้าสู่โพรงมดลูก • ใช้อัลตราซาวด์นำทางขณะย้ายตัวอ่อน • แช่แข็งตัวอ่อนที่เหลือ |
นอนพักหลังทำหัตถการ และหลีกเลี่ยงการใช้แรงหนัก |
รอตรวจผลตั้งครรภ์ | 14 วันหลังย้ายตัวอ่อน | • ตรวจเลือดหา β-HCG • ยืนยันว่าตั้งครรภ์สำเร็จหรือไม่ | ใช้ชีวิตตามปกติ รับประทานยาตามเวลาที่กำหนด |
กระบวนการ ICSI ใช้เวลาประมาณ 8–10 สัปดาห์จึงจะแล้วเสร็จ โดยในช่วงเวลาดังกล่าว ผู้เข้ารับการรักษาจำเป็นต้องเข้าพบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ ความสำเร็จของการรักษาจะขึ้นอยู่กับอายุและสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปมีอัตราความสำเร็จอยู่ที่ประมาณ 50–70% ทั้งนี้ แนะนำให้คู่สมรสทำจิตใจให้แจ่มใส ไม่เครียด ซึ่งจะช่วยส่งเสริมสุขภาพกายและเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ได้อีกทางหนึ่ง
สถานการณ์พิเศษอื่นๆ
สถานการณ์พิเศษต่างๆ | ||
---|---|---|
อาการ | วิธีจัดการ | รายละเอียด |
ฝ่ายชายไม่สามารถเก็บอสุจิได้ | เก็บอสุจิโดยการผ่าตัด PESA/TESE | การเก็บอสุจิโดยตรงจากอัณฑะหรือท่อนำอสุจิ |
การกระตุ้นรังไข่มากเกินไป | การย้ายตัวอ่อนแช่แข็ง (FET) | เลื่อนการย้ายตัวอ่อนไปหลังจากรอบเดือน 1–2 เดือน |
คุณภาพตัวอ่อนต่ำ | เพาะเลี้ยงตัวอ่อนจนถึงระยะบลาสโตซิสต์ | เพาะเลี้ยงต่อจนถึงวันที่ 5–6 เพื่อเพิ่มโอกาสสำเร็จ |
ตัวอ่อนเหลือ | แช่แข็งตัวอ่อน | สามารถนำมาใช้ในการรักษาในอนาคตหรือการตั้งครรภ์ครั้งที่สอง |
หากในกระบวนการรักษา ICSI พบปัญหา เช่น การเก็บอสุจิยากเกินไป การกระตุ้นรังไข่มากเกินไป หรือคุณภาพตัวอ่อนไม่ดี แพทย์อาจเลือกใช้วิธีผ่าตัดเก็บอสุจิ เลื่อนการย้ายตัวอ่อน หรือเพาะเลี้ยงตัวอ่อนให้ยาวนานขึ้นเพื่อเพิ่มโอกาสในการฝังตัว ตัวอ่อนคุณภาพดีที่ไม่ได้ใช้สามารถเก็บแช่แข็งไว้สำหรับการรักษาในอนาคต เพื่อเพิ่มโอกาสสำเร็จโดยรวมของการรักษา
Q&A คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ ICSI
เมื่อพูดถึงการรักษาด้วย ICSI ว่าที่คุณพ่อคุณแม่หลายคู่มักมีคำถามและความกังวลต่าง ๆ เราได้รวบรวม 3 คำถามยอดฮิตที่พบบ่อยที่สุด เช่น ความเจ็บระหว่างการรักษา ระยะเวลาที่ต้องใช้ รวมถึงโอกาสสำเร็จ เพื่อให้ทุกคู่สามารถวางใจและเตรียมตัวได้อย่างมั่นใจ
การทำ ICSI เจ็บไหม?
ในกระบวนการ ICSI อาจมีความรู้สึกไม่สบายเพียงเล็กน้อย ก่อนการเก็บไข่จะต้องฉีดยากระตุ้นให้ไข่ตก และในวันเก็บไข่จะได้รับการวางยาสลบ หลังจากนั้นอาจมีอาการปวดหน่วงเล็กน้อยบริเวณท้องน้อย ซึ่งโดยปกติอาการไม่สบายเหล่านี้จะหายไปภายใน 1–2 วัน
กระบวนการ ICSI ใช้เวลานานแค่ไหน?
กระบวนการทำ ICSI ทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์ โดยประกอบด้วย การตรวจประเมินเบื้องต้น การฉีดยากระตุ้นไข่ประมาณ 7–8 วัน การเก็บไข่ การปฏิสนธิในห้องปฏิบัติการ และขั้นตอนสุดท้ายคือการย้ายตัวอ่อนกลับเข้าสู่โพรงมดลูก ตลอดกระบวนการต้องเข้ารับการติดตามและนัดหมายหลายครั้ง จึงแนะนำให้เตรียมจัดสรรเวลาล่วงหน้าให้พร้อมก่อนเริ่มกระบวนการ
ICSI มีโอกาสสำเร็จแค่ไหน? จะปฏิสนธิได้ 100% หรือไม่?
คำตอบคือ:
ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะประสบความสำเร็จ 100%!
อัตราความสำเร็จของ ICSI โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 50–70% โดยโอกาสสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่แค่กับคุณภาพของอสุจิเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคุณภาพของไข่ สภาพแวดล้อมในห้องปฏิบัติการ และประสบการณ์ของแพทย์ผู้ดูแลด้วย
แนะนำสถานที่ทำ ICSI:Angel Baby Clinic ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก
การเลือกสถานพยาบาลมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของการรักษาด้วย ICSI เนื่องจากกระบวนการนี้ต้องอาศัยนักเพาะเลี้ยงตัวอ่อนที่มีทักษะสูงและประสบการณ์มาก เพราะตั้งแต่ขั้นตอนการเพาะเลี้ยงตัวอ่อนจนถึงการย้ายกลับเข้าสู่โพรงมดลูก ต้องดำเนินการอย่างละเอียดและแม่นยำทุกขั้นตอน
Angel Baby Clinic ให้บริการโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ที่มีประสบการณ์ โดยเฉพาะ คุณ เบญจมาศ อาลัย นักเพาะเลี้ยงตัวอ่อน ซึ่งมีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี และได้ดูแลการเพาะเลี้ยงเซลล์ไข่มามากกว่า 3,000 ใบ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยสร้างอัตราความสำเร็จในการรักษา
คลิกเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม:Angel Baby Clinic ใช้เทคนิค ICSI สานฝันให้กับครอบครัวที่อยากมีบุตร