Angel Baby Clinic不孕不育咨询与治疗中心

PCOS คืออะไร? PCOS อาการเป็นอย่างไร? รักษาอย่างไร?

what-is-pcos
Table of Contents

PCOS คืออะไร?

กลุ่มอาการถุงน้ำหลายใบในรังไข่ (Polycystic Ovary Syndrome: PCOS) เป็นความผิดปกติของระบบต่อมไร้ท่อที่พบได้บ่อยในผู้หญิง ลักษณะสำคัญคือมีถุงน้ำเล็ก ๆ หลายใบภายในรังไข่ ซึ่งแท้จริงแล้วคือไข่ที่ยังไม่เจริญเต็มที่ เมื่อเกิดภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล ไข่เหล่านี้จะไม่สามารถพัฒนาและตกไข่ได้ตามปกติ จึงค่อย ๆ สะสมในรังไข่จนเกิดเป็นถุงน้ำหลายใบ

PCOS ส่งผลต่อการทำงานของการตกไข่ ทำให้ประจำเดือนมาผิดปกติหรือขาดประจำเดือน และอาจทำให้มีฮอร์โมนเพศชายสูงเกินไป นอกจากจะกระทบต่อสุขภาพการเจริญพันธุ์แล้ว ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเมตาบอลิก เช่น เบาหวาน และโรคหัวใจและหลอดเลือด

PCOS มีอาการอย่างไรบ้าง?

อาการของกลุ่มอาการถุงน้ำหลายใบในรังไข่ (PCOS) อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่โดยทั่วไปสามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มหลักดังนี้

ประจำเดือนมาไม่ปกติ

อาการที่พบได้บ่อยที่สุดของผู้ป่วย PCOS คือความผิดปกติของรอบเดือน โดยมีลักษณะดังนี้

  • ประจำเดือนมาน้อย: รอบเดือนห่างเกิน 35 วัน หรือมาน้อยกว่า 8 ครั้งต่อปี
  • ขาดประจำเดือน: ไม่มาหลายเดือน หรือนานถึง 1 ปี
  • รอบเดือนไม่สม่ำเสมอ: บางครั้งมาทุกเดือน บางครั้งเว้นไปหลายเดือน

วิธีสังเกตด้วยตนเอง: ควรบันทึกรอบเดือนอย่างต่อเนื่อง หากพบว่าประจำเดือนเลื่อนหรือไม่สม่ำเสมอเกิน 3 เดือน ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม

ภาวะฮอร์โมนเพศชายสูง (Hyperandrogenism)

เกิดจากรังไข่สร้างฮอร์โมนเพศชายมากเกินไป ทำให้ร่างกายมีลักษณะคล้ายผู้ชาย เช่น

ลักษณะอาการ

  • สิวจากฮอร์โมน: สิวเรื้อรังบริเวณใบหน้าและแผ่นหลัง
  • ปัญหาผิว: ผิวมันมากขึ้น รูขุมขนกว้าง
  • ผมร่วงผิดปกติ: เส้นผมบางลง ผมร่วง หรือศีรษะล้านแบบผู้ชาย
  • ขนดก: มีขนเพิ่มขึ้นบริเวณเหนือริมฝีปาก คาง หน้าอก

การยืนยันด้วยการตรวจ: ตรวจเลือดพบว่าฮอร์โมนเพศชาย (เช่น เทสโทสเตอโรน) สูงกว่าปกติ

ผลตรวจอัลตราซาวด์รังไข่มีความผิดปกติ

เป็นเกณฑ์วินิจฉัยที่ชัดเจน ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

วิธีตรวจ

  • อัลตราซาวด์ผ่านหน้าท้อง: เหมาะกับผู้หญิงที่ยังไม่มีเพศสัมพันธ์
  • อัลตราซาวด์ทางช่องคลอด: ให้ภาพชัดเจนและแม่นยำกว่า

ลักษณะผิดปกติ

  • พบถุงน้ำเล็กมากกว่า 20 ใบ ในรังไข่ข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง
  • รังไข่มีขนาดใหญ่ขึ้น (>10 มิลลิลิตร)
  • ขนาดถุงน้ำมักอยู่ระหว่าง 2–9 มิลลิเมตร

หมายเหตุ: อาการของ PCOS อาจมีความรุนแรงแตกต่างกัน บางคนมีอาการชัดเจน ในขณะที่บางคนมีอาการน้อย หากสงสัยว่ามีอาการ ควรปรึกษาแพทย์สูตินรีเวชหรือแพทย์ต่อมไร้ท่อเพื่อรับการประเมินอย่างมืออาชีพ

pregnant-woman-standing-by-window-looking-photo

สาเหตุของ PCOS คืออะไร? รักษาอย่างไร?

สาเหตุของกลุ่มอาการถุงน้ำหลายใบในรังไข่ (PCOS)

แม้ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของ PCOS แต่จากงานวิจัยพบว่ามีความเกี่ยวข้องกับปัจจัยต่อไปนี้:

ความไม่สมดุลของฮอร์โมน

  • ภาวะดื้อต่ออินซูลิน: พบได้ประมาณ 70–80% ของผู้ป่วย PCOS
  • ฮอร์โมนเพศชายสูงเกินปกติ: รังไข่และต่อมหมวกไตผลิตฮอร์โมนเพศชายมากเกินไป
  • ความผิดปกติของฮอร์โมน LH: อัตราส่วน LH/FSH ผิดปกติ ส่งผลต่อการตกไข่

ปัจจัยทางพันธุกรรม

  • มีแนวโน้มถ่ายทอดทางครอบครัว ผู้ที่มีแม่หรือพี่สาวเป็น PCOS จะมีความเสี่ยงสูงขึ้น
  • เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับการกลายพันธุ์ของหลายยีน (Multigenic disorder)

ปัจจัยด้านพฤติกรรมการใช้ชีวิต

  • ภาวะอ้วนหรือน้ำหนักเกิน: ทำให้ภาวะดื้อต่ออินซูลินและความไม่สมดุลของฮอร์โมนรุนแรงขึ้น
  • ความเครียด: ส่งผลเสียต่อสมดุลของระบบต่อมไร้ท่อ
  • การขาดการออกกำลังกาย: พฤติกรรมอยู่กับที่นาน ๆ เพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาการเผาผลาญ

การรักษากลุ่มอาการถุงน้ำหลายใบในรังไข่ (PCOS)

ผู้ป่วยแต่ละคนมีลักษณะร่างกายและเป้าหมายการรักษาที่ต่างกัน ดังนั้นแนวทางการรักษาจึงต้องปรับให้เหมาะสมเป็นรายบุคคล โดยทีมแพทย์จะประเมินทั้งสุขภาพโดยรวม แผนการมีบุตร และแนวทางการรักษาที่เหมาะสม

ขั้นตอนการรักษา PCOS

ขั้นตอนเป้าหมายหลัก 治疗方法ผลลัพธ์ที่คาดหวัง ผู้ที่เหมาะสมกับการรักษา
ขั้นตอนที่ 1
ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต
ปรับปรุงการเผาผลาญพื้นฐาน
ลดอาการ PCOS
• การจัดการน้ำหนัก (ลดน้ำหนัก 5–10%)
• รับประทานอาหารดัชนีน้ำตาลต่ำ (Low GI)
• ออกกำลังกายสม่ำเสมอ(อย่างน้อย 150 นาที/สัปดาห์)
• การจัดการความเครียด
• รอบเดือนสม่ำเสมอขึ้น
• ความไวต่ออินซูลินดีขึ้น
• ฮอร์โมนเพศชายลดลง
ผู้ป่วย PCOS ทุกคน (เป็นการรักษาขั้นแรก)
ขั้นตอนที่ 2
การรักษาด้วยยา
ปรับสมดุลฮอร์โมน
ควบคุมอาการPCOS
• ยาคุมกำเนิด (เพื่อปรับรอบเดือน)
• Metformin (เพื่อลดระดับน้ำตาลในเลือด)
• ยาต้านฮอร์โมนเพศชาย
• รอบเดือนสม่ำเสมอ
• อาการขนดก/สิวดีขึ้น
• ป้องกันภาวะแทรกซ้อน
ผู้ที่ปรับพฤติกรรมแล้วยังไม่ได้ผล หรือมีอาการรุนแรง
ขั้นตอนที่ 3
ช่วยให้ตั้งครรภ์
ตั้งครรภ์สำเร็จและมีสุขภาพดี • ยากระตุ้นการตกไข่
• การผสมเทียม (IUI)
• เด็กหลอดแก้ว(IVF)
• ฟื้นฟูการตกไข่
• เพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์
• ลดความเสี่ยงการแท้ง
ผู้ที่มีความต้องการมีบุตร
โดยรักษาในขั้นก่อนหน้าแล้ว ยังไม่สามารถตั้งครรภ์ตามธรรมชาติได้

ตารางเปรียบเทียบการรักษาด้วยยาที่ใช้บ่อย

ประเภทของยาชื่อยา การออกฤทธิ์หลักวิธีใช้ ข้อควรระวัง
ยาปรับรอบเดือนยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน ปรับรอบเดือนให้สม่ำเสมอ
ลดระดับฮอร์โมนเพศชาย
รับประทานเวลาเดิมทุกวัน ใช้ด้วยความระมัดระวังในผู้ที่มีความเสี่ยงต่อภาวะลิ่มเลือดอุดตัน
โปรเจสเตอโรนกระตุ้นให้มีประจำเดือน
ปกป้องเยื่อบุมดลูก
รับประทานเป็นรอบ ๆอาจมีผลต่ออารมณ์
ยาปรับการเผาผลาญMetformin ลดภาวะดื้อต่ออินซูลิน
ช่วยลดน้ำหนัก
รับประทานพร้อมอาหาร อาจมีอาการระคายเคืองกระเพาะและลำไส้ในช่วงแรก
ยาต้านฮอร์โมนเพศชายSpironolactone ลดภาวะขนดก
ลดสิว
รับประทานวันละ 1–2 ครั้ง ต้องติดตามระดับอิเล็กโทรไลต์
ยาช่วยการตั้งครรภ์Clomiphene กระตุ้นการตกไข่รับประทานวันที่ 3–7 ของรอบเดือน อาจเพิ่มความเสี่ยงตั้งครรภ์แฝด
Letrozoleช่วยกระตุ้นการตกไข่
เป็นตัวเลือกแรกสำหรับ PCOS
รับประทานวันที่ 3–7 ของรอบเดือนมีประสิทธิภาพดีกว่าสำหรับผู้ป่วย PCOS

ตารางเปรียบเทียบเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์

治疗方法เหมาะสำหรับ ระยะเวลาในการรักษาค่าใช้จ่าย
การกระตุ้นไข่ด้วยยาผู้ที่มีปัญหาการตกไข่เล็กน้อย 3–6 เดือนค่อนข้างต่ำ
การผสมเทียม (IUI)การตกไข่กลับมาทำงานปกติ
ท่อนำไข่ไม่อุดตัน
ทำได้ทุกเดือนปานกลาง
การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF)การรักษาแบบอื่นไม่ได้ผล
มีปัจจัยมีบุตรยากอื่นร่วมด้วย
2–3 เดือนค่อนข้างสูง
การเจาะรังไข่ดื้อต่อยากระตุ้นไข่ ผ่าตัดครั้งเดียวปานกลาง

ตัวชี้วัดการติดตามผลการรักษา

รายการความถี่ในการตรวจ ค่ามาตรฐานปกติเกณฑ์การปรับปรุง
รอบเดือนบันทึกทุกเดือน21–35 วัน รอบเดือนสม่ำเสมอ
น้ำหนัก/BMIชั่งทุกเดือน18.5 ~ 24 ลดน้ำหนักลง 5–10%
การตรวจฮอร์โมนทุก 3–6 เดือน LH/FSH <2:1
เทสโทสเตอโรนปกติ
สมดุลฮอร์โมนดีขึ้น
ระดับน้ำตาลในเลือดทุก 3–6 เดือน น้ำตาลขณะอดอาหาร <100 mg/dLความไวต่ออินซูลินดีขึ้น
อัลตราซาวด์ทุก 3–6 เดือน ขนาดรังไข่ปกติ
การเจริญเติบโตของไข่ดี
ภาวะถุงน้ำหลายใบดีขึ้น
สรุป – สิ่งที่ควรต้องรู้
  • การรักษาเฉพาะบุคคล:แผนการรักษาของผู้ป่วยแต่ละรายไม่เหมือนกัน ต้องให้ความร่วมมือกับแพทย์อย่างใกล้ชิด
  • ต้องใช้เวลาและความอดทน:PCOS เป็นโรคเรื้อรัง การรักษาต้องใช้เวลา โดยทั่วไปจะเห็นผลใน 3–6 เดือน
  • ติดตามผลสม่ำเสมอ:ควรพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามผลและปรับแผนการรักษาให้เหมาะสม
  • ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต:การใช้ยาต้องควบคู่กับการปรับพฤติกรรมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด

PCOS กระทบต่อการตั้งครรภ์หรือไม่ ? - รวมQ&Aที่เจอบ่อยๆ

Q1: ใครมีความเสี่ยงเป็น PCOS?

A:ผู้หญิงที่มีน้ำหนักเกินหรืออ้วนมีโอกาสเป็น PCOS สูงกว่าผู้ที่น้ำหนักปกติอย่างชัดเจน ภาวะนี้พบได้ประมาณ 10–20% ของผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ ในบรรดาปัจจัยเสี่ยงทั้งหมด น้ำหนักเกิน ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด การควบคุมน้ำหนักให้เหมาะสม โดยเฉพาะการลดไขมันรอบเอวและหน้าท้อง เป็นกลยุทธ์สำคัญในการป้องกันและจัดการ PCOS

Q2: PCOS เป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมหรือไม่?

A:ใช่ค่ะ PCOS มีแนวโน้มถ่ายทอดทางพันธุกรรมชัดเจน งานวิจัยพบว่าหากในครอบครัวมีประวัติผู้ป่วย PCOS ผู้หญิงจะมีโอกาสเป็นโรคนี้สูงกว่าคนทั่วไปประมาณ 50% 

อย่างไรก็ตาม PCOS เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับการกลายพันธุ์ของหลายยีน ไม่ได้เกิดจากยีนเดียว และถึงแม้มีพันธุกรรมเสี่ยง ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นโรคนี้เสมอไป

Q3: PCOS ทำให้มีบุตรยากหรือไม่?

A:ไม่ใช่! ผู้ป่วย PCOS สามารถตั้งครรภ์ได้ แม้โอกาสตั้งครรภ์ตามธรรมชาติอาจน้อยลง แต่หากได้รับการรักษาที่เหมาะสม ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถตั้งครรภ์ได้สำเร็จ 

ภาวะนี้เป็นเพียงปัญหาการตกไข่ยาก หากกระตุ้นให้มีการตกไข่ได้ และไม่มีปัจจัยมีบุตรยากอื่นร่วม โอกาสสำเร็จจะสูงมาก และมักเป็นกลุ่มที่ตอบสนองต่อการรักษาได้ดีที่สุดในบรรดาผู้มีบุตรยาก

คุณกำลังมีปัญหากับภาวะPCOSอยู่หรือไม่? Angel Baby Clinic พร้อมช่วยให้คุณตั้งครรภ์ได้อย่างราบรื่น

การรักษา PCOS ต้องใช้แนวทางทางการแพทย์ที่ปรับให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล Angel Baby Clinic ไม่เพียงมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาภาวะมีบุตรยาก แต่ยังมีทีมที่ปรึกษาด้านการเจริญพันธุ์มืออาชีพ ที่จะวิเคราะห์อาการเฉพาะของคุณ ร่วมกับเงื่อนไขด้านอายุและแผนการตั้งครรภ์ เพื่อออกแบบแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ 👉Angel Baby Clinicวางแผนการรักษาโดยเฉพาะที่นี่

Leave a Comment

您的电子邮箱地址不会被公开。 必填项已用*标注

简体中文