ภาวะแท้งคุกคาม (Threatened abortion) คือ ภาวะผิดปกติของการตั้งครรภ์ที่เกิดขึ้นในช่วง 20 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ โดยหญิงตั้งครรภ์จะมีอาการเลือดออกทางช่องคลอดในขณะที่ปากมดลูกยังไม่เปิด ซึ่งอาจเป็นเลือดสดหรือมูกเลือด ในขณะที่ปากมดลูกยังไม่เปิด
สาเหตุ
ภาวะแท้งคุกคาม ส่วนใหญ่มักไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดที่ทำให้เกิดภาวะดังกล่าว แต่ก็ยังมีปัจจัยที่อาจจะสัมพันธ์หรือเกี่ยวข้องกับภาวะแท้งคุกคาม และทำให้เกิดการแท้งจริงๆขึ้นได้ ได้แก่
– ความผิดปกติของทารกในครรภ์ เช่น ความพิการแต่กำเนิด โครโมโซมผิดปกติ หรืออาจได้รับยาหรือสารเคมีที่ทำให้ทารกในครรภ์เกิดความผิดปกติได้
– หญิงตั้งครรภ์มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไตวายเรื้อรัง เป็นต้น
– อายุของหญิงตั้งครรภ์ คือ หญิงตั้งครรภ์ที่อายุมากกว่า 35 ปี จะมีโอกาสเกิดภาวะแท้ง/แท้งคุกคามได้มากกว่าหญิงตั้งครรภ์ที่อายุ 15-34 ปี
– มีความผิดปกติของมดลูกและโพรงมดลูก เช่น พังผืดในโพรงมดลูก มดลูกมีรูปร่างผิดปกติตั้งแต่กำเนิด เป็นต้น
– การขาดฮอร์โมนที่ช่วยประคับประคองการตั้งครรภ์ ทำให้ตัวอ่อนหรือถุงตั้งครรภ์มีการฝังตัวไม่สมบูรณ์
– เคยมีประวัติเแท้งมาก่อน
– ปัจจัยอื่นๆ เช่น อุบัติเหตุที่ส่งผลกระทบต่อมดลูกหรือบริเวณท้องน้อย มีการติดเชื้อในช่องคลอด น้ำหนักตัวมากหรือโรคอ้วน การดื่มสุรา สูบบุหรี่ หรือใช้สารเสพติด เป็นต้น
การรักษาและการป้องกัน
ภาวะแท้งคุกคามมักจะรักษาด้วยการประคับประคองหรือการรักษาตามอาการเป็นหลัก
1.แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์สังเกตอาการตนเองดังนี้
-อาจมีเลือดออกทางช่องคลอด ซึ่งปริมาณเลือดที่ออกอาจมากหรือน้อยก็ได้ หากเลือดไม่หยุดไหลก็เป็นสัญญาณที่ค่อนข้างอันตราย จึงควรพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
-สังเกตสีของเลือด หากเป็นสีแดงสด อาจเกิดจากรกที่ลอกก่อนกำหนด ซึ่งทำให้เกิดภาวะแท้งคุกคามได้ แต่หากเป็นเลือดสีดำ อาจเป็นเลือดเก่าที่ค้างอยู่ ถ้าลักษณะเช่นนี้ก็ไม่ต้องกังวลมากนัก
-มีอาการปวดท้องน้อยร่วมด้วย โดยจะมีอาการปวดมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่ามดลูกอาจกำลังบีบตัวและทำให้เกิดภาวะคลอดก่อนกำหนดได้
2.แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์ปฏิบัติตัวดังนี้
– พักผ่อนมากๆ (bed rest) และงดกิจกรรมที่เพิ่มความดันหรือแรงกระแทกที่บริเวณท้องน้อย (activity restrictions)
– ในช่วงที่ยังมีเลือดออกควรงดการออกกำลังกายและการมีเพศสัมพันธ์
– รับประทานยาบำรุงต่างๆตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ได้แก่ folic acid และวิตามินสำหรับหญิงตั้งครรภ์
– ตั้งสติ พยายามลดความเครียดและความวิตกกังวล
3.การรักษา
-ในรายที่เลือดออกน้อย แต่มีอาการปวดหน่วงท้องน้อยร่วมด้วย สามารถรับประทานยาแก้ปวดได้ ยกเว้นยาแก้ปวดในกลุ่ม NSAIDs ส่วนในรายที่มีเลือดออกมาก ควรได้รับการดูแลรักษาในโรงพยาบาล เพื่อตรวจติดตามสัญญาณชีพและตรวจวัดระดับความเข้มข้นของเลือด หากเลือดไม่หยุดไหลหรือมีการแท้งเกิดขึ้นจริง แพทย์อาจพิจารณายุติการตั้งครรภ์
-การให้ฮอรโมน Progestin ในรายที่เคยมีการแท้งมาก่อนหรือได้รับการวินิจฉัยว่าขาดฮอร์โมน Progestin การให้ฮอร์โมนตั้งแต่ 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์สามารถช่วยป้องกันการเกิดภาวะแท้งได้