Table of Contents
1. การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) 5 ขั้นตอนหลัก มีอะไรบ้าง?
(1)การเตรียมตัวก่อนทำ IVF
เข้ารับการตรวจกับแพทย์ภายในวันที่ 2-4 ของรอบเดือน ด้วยการตรวจเลือดและการอัลตราซาวด์ พร้อมให้คำแนะนำในการใช้ยา เพื่อกระตุ้นรังไข่ให้สร้างไข่ที่มีจำนวนมากขึ้น
(2)การกระตุ้นไข่
ในวันที่ 4-11 ของรอบเดือน แพทย์จะให้ยากระตุ้นไข่ เพื่อกระตุ้นให้ไข่มีจำนวนเพิ่มขึ้น และเร่งให้ไข่สุก จากนั้นจะใช้เข็มเก็บไข่ดูดไข่ออกจากรังไข่ผ่านทางช่องคลอด โดยใช้เครื่องอัลตราซาวด์ร่วมด้วย โดยการเก็บไข่นี้ จำเป็นต้องมีการดมยาสลบเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด ซึ่งการเก็บไข่จะใช้เวลาราวๆ 30 นาที
(3)การเก็บไข่และอสุจิ และการปฏิสนธิ
ในวันที่ 11-14 ของรอบเดือนจะทำการเก็บไข่และอสุจิ โดยสามีจะต้องงดหลั่งน้ำเชื้อ 3-5 วันก่อนเก็บอสุจิ ส่วนภรรยาจะต้องฉีดยากระตุ้นไข่ตก(เข็มTrigger)ก่อนเวลาทำหัตถการเก็บไข่ 34-36 ชั่วโมง จากนั้นไข่และอสุจิที่เก็บมา จะถูกนำไปปฏิสนธิในห้องปฏิบัติการ และเพาะเลี้ยงตัวอ่อน เป็นเวลา 2-5 วัน
(4)การเตรียมเยื่อบุโพรงมดลูก
หลังจากภรรยาเก็บไข่แล้ว ในวันที่ 2-3 ของรอบเดือนถัดไป แพทย์จะให้ยาเตรียมเยื่อบุโพรงมดลูก และนัดตรวจความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูกในวันที่ 11-14 ของรอบเดือน
(5)การย้ายตัวอ่อน
ในวันที่ 14-20 ของรอบเดือน แพทย์จะทำการย้ายตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูก หลังย้ายตัวอ่อนจะมีการใช้ยาฮอโมนโปรเจสเตอโรนเพื่อช่วยให้ตัวอ่อนไปฝังตัวที่โพรงมดลูก โดยขั้นตอนนี้ไม่จำเป็นต้องงดน้ำหรืออาหารก่อนทำหัตถการ และไม่ต้องดมยาสลบ โดยใช้เวลาเพียง 15-30 นาที
(6)การตรวจครรภ์
หลังจากย้ายตัวอ่อนไปแล้วประมาณ 9 วัน แพทย์จะนัดให้มาตรวจเลือดเพื่อตรวจการตั้งครรภ์
3. ปัจจัยที่ส่งผลต่ออัตราความสำเร็จของการทำเด็กหลอดแก้วมีอะไรบ้าง แบ่งเป็น 3 ปัจจัย
(1)อายุ
จากสถิติของโรงพยาบาลในกรุงเทพพบว่า ยิ่งผู้หญิงอายุมากขึ้น คุณภาพและปริมาณไข่ก็จะลดลง ในขณะเดียวกัน เมื่อผู้ชายอายุมากขึ้น ความสามารถในการเคลื่อนที่ของอสุจิจะค่อยๆลดลง การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะทำให้การตั้งครรภ์ยากยิ่งขึ้น
หากอายุเกิน 40 ปี อัตราความสำเร็จของการปฏิสนธิในหลอดแก้ว (IVF) จะลดลงอย่างมาก จึงอาจกล่าวได้ว่าอายุเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่มีผลต่ออัตราความสำเร็จ
(2)คุณภาพของตัวอ่อน
กระบวนการเด็กหลอดแก้ว จำเป็นต้องมีการเก็บตัวอสุจิและไข่ หากคุณภาพของตัวอสุจิและไข่ดี การเพาะเลี้ยงตัวอ่อนสามารถเพิ่มอัตราความสำเร็จของการทำเด็กหลอดแก้วได้มากขึ้น
นอกจากนี้ ความผิดปกติของโครโมโซมของตัวอ่อนมักเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้กระบวนการเด็กหลอดแก้วไม่ประสบผลสำเร็จ อย่างไรก็ตาม หากใช้การตรวจคัดกรองโครโมโซมก่อนการฝังตัว (PGT-A/PGS) จะสามารถเลือกตัวอ่อนที่มีคุณภาพดีสำหรับการฝังตัว เพื่อเพิ่มอัตราการตั้งครรภ์ได้
คลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม: ลดความเสี่ยงในการแท้งบุตรและเพิ่มอัตราการตั้งครรภ์ด้วยการตรวจคัดกรองโครโมโซมตัวอ่อน (PGT-A/PGS)
(3)ประสบการณ์ของแพทย์และทีมนักวิทยาศาสตร์การเจริญพันธุ์
นักวิทยาศาสตร์เพาะเลี้ยงตัวอ่อนที่มีประสบการณ์ พร้อมทั้งเทคโนโลยีที่ใช้การคัดกรองโครโมโซมก่อนการฝังตัว (PGT-A/PGS) เป็นอีกหนึ่งบทบาทสำคัญที่ส่งผลต่ออัตราความสำเร็จของกระบวนการเด็กหลอดแก้วอย่างมาก เพื่อช่วยประหยัดทรัพยากรและเวลาของสามีและภรรยา
เบญจมาศ อาลัย(check thai speling again)นักวิทยาศาสตร์เพาะเลี้ยงตัวอ่อน จาก Angel Baby IVF Clinic ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก มีประสบการณ์ด้านการเพาะเลี้ยงตัวอ่อนมากกว่า 10 ปี และสามารถเพาะเลี้ยงไข่ได้สำเร็จไปแล้วมากกว่า 3,000 ฟอง เป็นผู้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในด้านนี้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญต่อความสำเร็จของการทำเด็กหลอดแก้ว
4、สรุปค่าใช้จ่ายในการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF)
ค่าใช้จ่ายหลักของการทำ IVF ประกอบด้วย
- ค่าหัตถการเก็บไข่ (OPU)
- ค่าปฏิสนธิในห้องปฏิบัติการ (ICSI)
- ค่าเพาะเลี้ยงตัวอ่อน
- ค่าแช่แข็งและละลายตัวอ่อน
- ค่าย้ายตัวอ่อน
ค่าใช้จ่ายของการเด็กหลอดแก้วจะแตกต่างกันไปในแต่ละคลินิก โดยทั่วไปอยู่ระหว่าง 200,000-400,000 บาท แนวทางการรักษาจะขึ้นอยู่กับสภาพรังไข่ของแต่ละบุคคล การตอบสนองต่อยา สภาพของอสุจิ การเลือกใช้เทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงตัวอ่อน รวมถึงการประเมินและการเลือกใช้ชนิดยาของแพทย์ หากต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อเราหรือกรอกแบบฟอร์มเพื่อทราบรายละเอียดค่าใช้จ่ายในการทำกระบวนการเด็กหลอดแก้ว
5、แนะนำคลินิกสำหรับการทำเด็กหลอดแก้ว: Angel Baby IVF Clinic ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก
Angel Baby IVF Clinic มีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ โดยมีประสบการณ์วิชาชีพมากกว่า 10 ปี นำโดย นพ.เสฐียรพงศ์ จารสินธนากร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ รวมถึงห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐานของเรา ทำให้อัตราความสำเร็จในการทำเด็กหลอดแก้วของเรานั้นสูงมากกว่า 70%
เราเชื่อว่าความเชี่ยวชาญในการเพาะเลี้ยงตัวอ่อนที่มีคุณภาพเป็นกุญแจสำคัญสู่การรักษาที่ประสบความสำเร็จ การรักษาภาวะมีบุตรยากให้ประสบความสำเร็จไม่ได้มีเพียงทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น แต่ยังต้องมีห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐานและมีนักวิทยาการเพาะเลี้ยงตัวอ่อนที่เชี่ยวชาญมาทำงานร่วมกัน เพื่อเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในการตั้งครรภ์